ufa747
ทางเข้า sbobet

ขาหนีบดำ ความลับในซอก ที่ไม่อยากบอกใคร

ขาหนีบดำ

ขาหนีบดำ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย แบบไม่มีอะไรขวางกั้น ปัญหาเรื่องขาหนีบดำ ไม่ได้ส่งผลอันตรายใด ๆ ต่อสุขภาพร่างกาย แต่กลับส่งผลต่อสภาพจิตใจในแง่ของความมั่นใจอย่างมาก โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีเป้าหมายอยากจะใส่ชุดบิกินีโชว์ความแซ่บ หากมีปัญหาเรื่องขาหนีบดำรบกวนจิตใจอยู่ ความฝันในการใส่บิกินีจะสลายไปอย่างแน่นอน

บทความของ Lalita ในวันนี้ จะพาทุกท่านทำความเข้าใจถึงปัญหาอาการขาหนีบดำ พร้อมกับคลายข้อสงสัยไปพร้อมกัน ๆ ว่า ปัญหาขาหนีบดำเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาหรือป้องกันไม่ให้เกิดอาการนี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะเราเข้าใจว่า ผู้ที่มีปัญหาซอกขาหนีบดำ เปรียบเสมือนกับคนที่ต้องคอยเก็บความลับอยู่ตลอดเวลา และไม่อยากจะบอกให้ใครรู้อีกด้วย หากทุกท่านพร้อมกันแล้วก็ไปอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับความงามได้เลยค่ะ

สาเหตุของอาการ ขาหนีบดำ

อย่างที่เราบอกเกริ่นไปว่า อาการขาหนีบดำสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ส่งผลอันตรายใด ๆ ต่อสุขภาพ แต่ส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก และไม่ได้เกิดเฉพาะกับคุณสุภาพสตรีเพียงเท่านั้น ท่านสุภาพบุรุษเองก็อาจพบกับปัญหาอาการซอกขาหนีบดำได้ด้วย

เชื่อว่าหลายท่านคงจะสงสัยว่าอาการ ขาหนีบดำ เกิดจาก อะไร เพราะบริเวณขาหนีบอยู่ในร่มผ้า แม้จะไม่ได้อ้าขาโดนแดดเลย ทำไมถึงดำได้? และนี่คือสาเหตุหรือปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เกิดอาการซอกขาหนีบดำค่ะ

  • การเสียดสี ผิวหนังบริเวณขาหนีบ ข้อพับ รักแร้ หรือซอกคอ หากมีการเสียดสีระหว่างผิวหนังเป็นเวลานาน ๆ สามารถทำให้เกิดปัญหาขาหนีบหรือข้อพับดำได้ ไม่เว้นแม้แต่การสวมใส่กางเกงที่แน่นเกินไป จนทำให้ผิวหนังเสียดสีกับเนื้อผ้าเป็นเวลานาน ๆ ในอิริยาบถต่าง ๆ ก็ทำให้เกิดอาการดำได้เช่นกัน
  • น้ำหนักตัวที่มากขึ้น เมื่อร่างกายของคนเรามีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหนังบริเวณขาหนีบทั้งสองด้านเสียดสีกันได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้ขาหนีบดำได้
  • การระคายเคืองของผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความระคายเคืองต่อผิว ไม่ว่าจะเป็น สบู่ โลชั่นทาผิว น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังช่วงข้อพบหรือขาหนีบได้เช่นกัน และทำให้ผิวบริเวณขาหนีบเกิดรอยคล้ำได้อีกด้วย
  • ภาวะการตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการข้อพับหรือขาหนีบดำ เพราะร่างกายจะผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ตั้งครรภ์มีผิวหนังบริเวณขาหนีบ ข้อพับ รักแร้ ที่คล้ำกว่าคนปกติ
  • การทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด ยกตัวอย่างเช่น การใช้ยาคุมกำเนิดแบบกิน การใช้ยารักษาโรคไทรอยด์ สามารถส่งผลข้างเคียงให้ข้อพับหรือขาหนีบดำได้
  • โรคบางชนิด ผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังช้าง จะมีภาวะผิวหนังที่หนาและคล้ำขึ้น พบอาการได้ตามข้อพับหรือขาหนีบได้ด้วยเช่นกัน
ขาหนีบดำ

การรักษาอาการขาหนีบดำ

วิธีการรักษาอาการขาหนีบดำ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี ขึ้นอยู่กับความสะดวกและงบการรักษาที่คุณมี โดยมีวิธีการ ดังนี้

กรณีรักษาด้วยตนเอง สามารถทำตามได้ที่บ้าน

  • ทำความสะอาดผิวเป็นประจำ ทำความสะอาดผิวหนังที่มีรอยดำเป็นประจำอย่างถูกวิธี ทั้งเช้าและเย็น ใช้น้ำอุ่นและสบู่ที่อ่อนโยน ถูบริเวณที่มีอาการดำเบา ๆ และเช็ดให้แห้งสนิท ไม่สวมใส่เสื้อผ้าหรือกางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป
  • ผลัดเซลล์ผิว การผลัดเซลล์ผิวหรือสครับผิว จะช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกไป ใช้เม็ดสครับที่มีความละเอียด สครับผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ เลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ ทาบริเวณข้อพับหรือขาหนีบทุกเช้า – เย็น เพื่อเติมความชุ่นชื้นให้ผิว

กรณีเข้ารับการรักษากับแพทย์

  • การรักษาด้วยยา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกใช้ยาทาเฉพาะที่ ที่มีส่วนประกอบของ Kojic Acid, Hydroquinone, Azelaic Acid และ Retinoic Acid เน้นย้ำว่าต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำและดูแลเท่านั้น
  • การผลัดเซลล์ผิวแบบเคมี แพทย์จะพิจารณาการใช้ยาทาผลัดเซลล์ผิว บริเวณข้อพับหรือขาหนีบที่มีรอยดำ ช่วยให้ผิวหนังผลัดเซลล์เก่า เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่าเดิม
  • การใช้เลเซอร์รักษา ปัจจุบันนี้ มีสถานเสริมความงามที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายแห่ง ซึ่งการรักษาด้วยการใช้เลเซอร์จะช่วยลดเลือกรอยดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอด้วย

แนวทางป้องกันอาการ ขาหนีบดำ

หลังจากที่เราได้ตอบข้อสงสัยเรื่อง ขาหนีบดำ แก้ยังไง ไปในหัวข้อก่อนกันแล้ว หัวข้อนี้ เราจะขอแนะนำแนวทางปฏิบัติ เพื่อป้องกันหรือหลีกเลี่ยงไม่ให้ขาหนีบหรือข้อพับมีอาการดำ โดยทุกท่านสามารถทำตามแนวทางได้ ดังนี้

  • รักษาความสะอาดของผิวหนัง อาบน้ำเป็นประจำทุกเช้า-เย็น เพื่อลดความอับชื้นบริเวณขาหนีบหรือข้อพับ การอาบน้ำขำระล้างร่างกายยังช่วยลดแบคทีเรียที่สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อีกด้วย
  • สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้รัดร่างกายจนแน่นเกินไป เพื่อลดการเสียดสีกันระหว่างผิวหนัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการขาหนีบดำ
  • ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดด เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน จะช่วยลดการเสียดสีกันของผิวหนังได้
  • ดื่มน้ำมาก ๆ การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (เฉลี่ย 8 แก้วต่อวัน) จะช่วยรักษาความชุ่มชิ้นให้กับผิวหนัง ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำ
  • ควบคุมน้ำหนัก การคุมน้ำหนักให้มีรูปร่างเหมาะสม จะช่วยลดการเสียดสีบริเวณขาหนีบหรือข้อพับได้

ทั้งหมดนี้คือเนื้อหาสาระสำคัญของปัญหาอาการขาหนีบดำ ตั้งแต่สาเหตุของการเกิดอาการ วิธีการรักษา ไปจนถึงแนวทางการป้องกัน พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่เรานำเสนอจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย หากท่านผู้อ่านลองปฏิบัติทำแนวทางแต่ยังเห็นผลไม่ชัดเจน เราขอแนะนำให้ลองขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชษย จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด  

แชร์บทความนี้