วิธีกำจัดสิวเสี้ยน แบบธรรมชาติ โดยใช้อุปกรณ์ที่หาได้ง่าย ๆ ในบ้าน

ขึ้นชื่อว่า สิวเสี้ยน ใคร ๆ ก็ไม่อยากเป็น เพราะทำให้เป็นกังวลและสูญเสียความมั่นใจ ทั้งยังทำให้รำคาญอีกด้วย ซึ่งสิวเสี้ยนก็มักจะขึ้นอยู่บริเวณจมูก และมีลักษณะแข็ง ๆ เป็นเสี้ยนดำ ๆ ที่หากเผลอไปมองแล้วจะรู้สึกว่าน่าเกลียดขึ้นมาทันที ในบทความนี้เราจะมาอธิบายกันว่า สิวเสี้ยนคืออะไร มี วิธีกำจัดสิวเสี้ยน ที่จมูกอย่างไร และมีวิธีไหนบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ!

สิวเสี้ยนคืออะไร

สิวเสี้ยนมีลักษณะคล้ายสิวอุดตัน แต่ความจริงแล้วคือเส้นขนที่รวมตัวกันและอุดตันอยู่ภายในรูขุมขน โดยจะกระจุกอยู่ประมาณ 5-25 เส้นต่อ 1 รูขุมขน ซึ่งปกติจะมีเพียงประมาณ 1-4 เส้นเท่านั้น มีทั้งสีดำและขาว หากมองไกล ๆ จะเห็นเป็นลักษณะเสี้ยนเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาจากรูขุมขน จึงเป็นที่มาของชื่อ สิวเสี้ยน ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นบริเวณจมูกนั่นเอง

สิวเสี้ยนเกิดจากอะไร

สิวเสี้ยนเกิดจากรูขุมขน และต่อมไขมันสร้างเส้นขนออกมามากกว่าปกติ เมื่อเส้นขนเกาะกับไขมัน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และเคราติน จึงเกิดเป็นเสี้ยนโผล่ขึ้นมาจากรูขุมขน ซึ่งยังมีปัจจัยอื่น ๆ ของการเกิดสิวเสี้ยนได้อีก เช่น การล้างหน้าที่ไม่สะอาด การรับประทานของมัน ของทอด เป็นประจำ เซลล์ผิวหนังผลัดตัวผิดปกติ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อผิว หรือมีการขัด ถู ผิวบริเวณนั้นแรงเกินไป

วิธีกำจัดสิวเสี้ยน โดยใช้วาสลีน

สูตรนี้เป็นสูตรดังที่คนเกาหลีนิยมนำมาใช้ โดยการนำวาสลีนทาให้ทั่วจมูก จากนั้นนำแรปห่ออาหารมาแปะไว้ที่จมูก ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น บิดจนหมาด แล้วนำมาแปะไว้ประมาณ 30 วินาที และใช้คอตตอนบัตดันสิวเสี้ยนให้หลุดจากล่างขึ้นบนอย่างเบามือ ล้างหน้าให้สะอาดเพื่อขจัดความมัน

วิธีกำจัดสิวเสี้ยนโดยใช้เบกกิ้งโซดา+น้ำผึ้ง

นำเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนจนเป็นเนื้อละเอียด นำมาทาที่จมูกและถูไปมาอย่างเบามือ ทิ้งไว้ประมาณ 10 หน้าที แล้วล้างหน้าให้สะอาด

ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีวิธีกำจัดสิวเสี้ยนแบบถาวรก็ตาม เพราะว่าสิวเสี้ยนสามารถเกิดขึ้นเองใหม่ได้เสมอ แต่การใช้ วิธีกำจัดสิวเสี้ยนแบบธรรมชาติ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพและไม่มีผลข้างเคียง แต่หากใครลองทำตามวิธีดังกล่าวข้างต้นแล้วยังไม่หาย อาจจะต้องลองใช้ตัวช่วยอื่น ๆ ดู เช่น แผ่นลอกสิวเสี้ยน มาส์กสิวเสี้ยน หรือผลิตภัณฑ์กำจัดสิวเสี้ยนอื่น ๆ แทน โดยอย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย อ่อนโยน และไม่เป็นอันตรายต่อผิว